by author1 author1

ประโยชน์อันทรงพลังของออริกาโนเพื่อสุขภาพ

11 ประโยชน์อันทรงพลังของออริกาโนเพื่อสุขภาพ

ออริกาโน เป็นของครอบครัวมินต์ (Lamiaceae) สปีชีส์ส่วนใหญ่ของสกุล Origanum มีถิ่นกำเนิดในพื้นที่เมดิเตอร์เรเนียน

พืชออริกาโน ประกอบด้วยใบเล็ก ๆ ที่มีกลิ่นฉุน ใบเหล่านี้มีการใช้รูปแบบสดหรือแห้ง ใช้กันอย่างแพร่หลายในอาหารเมดิเตอร์เรเนียนต่างๆ แต่นอกเหนือจากการใช้ในการปรุงอาหารแล้ว สมุนไพรนี้ยังใช้ในการแพทย์อีกด้วย

ประโยชน์ของออริกาโน่

 

 

 

 

 

 

1.เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ออริกาโน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง

2. ป้องกันโรคกระดูกพรุน Oregano มีสารที่เรียกว่า beta-caryophilin (E-BCP) ซึ่งยับยั้งการอักเสบในร่างกาย

3.ต่อต้านปรสิตและต่อต้านจุลินทรีย์

4.ช่วยย่อยอาหาร ออริกาโน เป็นยาชูกำลังย่อยอาหาร อาการอาหารไม่ย่อยและท้องร่วง

5.ต้านการอักเสบและยาแก้ปวด   คือ  บรรเทาความเจ็บปวดและเร่งการหายของบาดแผล

6 ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

7. ระบบทางเดินหายใจ

8. ต้านมะเร็ง

9.มีพลังผ่อนคลาย

10.ความตึงเครียดต่ำ

11.ฮอร์โมน ป้องกันโรคกระดูกพรุนและโรคหัวใจและหลอดเลือดการกระทำที่เกิดจากเอสโตรเจน

แหล่งที่มา : https://th.thpanorama.com/articles/nutricin/11-poderosos-beneficios-del-organo-para-la-salud.html

by author1 author1

ขิง ประโยชน์และโทษที่คาดไม่ถึง

‘ขิง’ ประโยชน์และโทษที่คาดไม่ถึง

ประโยชน์ของขิง

  • ลดอาการท้องอืด    ให้จิบชาน้ำขิงหรือรับประทานขิงสดจะทำให้รู้สึกดีขึ้น หรือถ้าเกิดอาการท้องอืด
  • ช่วยบรรเทาอาการไมเกรน จากการศึกษาพบว่า การรับประทานขิงตอนที่อาการไมเกรนใกล้กำเริบนั้น จะช่วยทำให้ความเจ็บปวดลดลงได้ เพราะขิงจะไปช่วยสกัดฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการอักเสบ 

·       ช่วยป้องกันมะเร็ง   ขิง มีคุณสมบัติช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง เพราะในขิงมีสารเคมีธรรมชาติที่ไปช่วยกระตุ้นเอนไซม์กลูตาไธโน-เอส-ทรานสเฟอเรส ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันมะเร็งได้

·       ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้   ขิง สามารถบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้ ช่วยบรรเทาอาการเมารถ หรือเมาเรือ

·       ช่วยลดน้ำตาลในเลือด    มีการศึกษาใหม่ พบว่า ขิงผงนั้นสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ โดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แต่ก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานขิงร่วมกับยา

  • ขิงดอง สรรพคุณดีก็มี ซึ่งประโยชน์ของขิงดองมีดังนี้

–          ช่วยแก้อาการเมาเรือ เมารถและอาการแพ้ท้อง

–          ล้างปากเวลารับประทานอาหาร

–          โซเดียมต่ำ

ข้อควรระวัง ในการรับประทานขิง

อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ได้ และ ทำให้เกิดแผลร้อนในภายในปากได้

แหล่งที่มา : https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_109993

by author1 author1

9 ประโยชน์ของไข่ขาว

9 ประโยชน์ของไข่ขาว ดีต่อสุขภาพจนอยากบอก

ไข่ไก่ฟองใหญ่  1  ฟอง น้ำหนักราว ๆ 50 กรัม   มีปริมาณไข่ขาว หรือ อัลบูมินประมาณ 58% ของไข่ทั้งฟอง โดยมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักถึง 88%  มีโปรตีน 11%  โดยประมาณ ซึ่งโปรตีนในไข่ขาวมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ทั้งโอวัลบูมิน (Ovalbumin) โคนัลบูมิน (Conalbumin) และอะวิดิน (Avidin)

ไข่ขาว 1 ฟอง ให้พลังงานประมาณ 15 กิโลแคลอรี มีโปรตีน 4 กรัม และนอกจากโปรตีนแล้ว ไข่ขาวยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิด ทั้งแคลเซียม วิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 6 และบี 12 เลซิติน ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส และสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังมีไขมันและคอเลสเตอรอลน้อยมาก ต่างจากไข่แดงที่ 1 ฟอง ให้พลังงานประมาณ 55 กิโลแคลอรี และมีคอเลสเตอรอลประมาณ 180-200 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของไข่ขาว 

  1. เป็นโปรตีนคุณภาพดี
  2. กระตุ้นการทำงานของร่างกาย
  3. ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
  4. บำรุงระบบประสาท
  5. เติมโปรตีนให้ผู้ป่วยโรคไต
  6. ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน
  7. บำรุงผิวหน้า
  8. บำรุงผมสวย
  9. ช่วยรักษาแผล

 

แหล่งที่มา : https://health.kapook.com/view207205.html

by author1 author1

กลิ่นเปลือกไม้รมควัน

สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับไม้รมควัน

สภาพภูมิอากาศที่ปลูกเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อรสชาติ อย่างเช่น สภาพภูมิอากาศร้อนในเท็กซัส ทำให้ไม้มีรสชาติที่แตกต่างจากสภาพภูมิอากาศร้อนในมิชิแกน

นอกจากนั้น สภาพเปลือกของไม้ ความชื้นบริเวณที่รมควัน อุณหภูมิไฟและเวลาในการอบแห้ง  ก็ส่งผลต่อรสชาติอีกด้วย แต่มีอีกอย่างนึงที่ส่งผลเช่นกัน คือ เครื่องเทศ เพราะแต่ละชนิดก็มีความเหมาะกับเนื้อสัตว์ที่ไม่เหมือนกัน

รู้หรือไม่ ? ควรใช้ไม้ที่แห้ง

ไม้ที่ตัดใหม่ “ยังเขียวอยู่” จึงทำให้มียางไม้ ทำให้การเผาไหม้ไม่สม่ำเสมอ อาจจะให้กลิ่นรสชาติที่แตกต่างจากไม้แห้งได้ ที่สำคัญอาจจะมีเชื้อรา แบคทีเรีย และหากเราเก็บไม้มาเอง จะต้องนำมาอบให้ความร้อนเหลือที่ 15-22%   

เปลือกไม้

ไม้บางชนิดมีเปลือกไม้มากกว่าชนิดอื่น มันอาจจะส่งผลต่อกลิ่นและรสชาติ บางคนก็จะแนะนำว่าควรกำจัดเปลือกไม้ออกก่อน  เพราะเปลือกมีอากาศมาก ความหนาแน่นน้อย ทำให้การเผาไหม้แตกต่างจากตัวเนื้อไม้ หรือบางคนอาจแนะนำว่าให้ใช้ไม้ฮิคคอรี่ดีที่สุด

ไม้ที่แนะนำมากที่สุด

ถ้าใช้ในทางครัวเรือน เราขอแนะนำ “ไม้เแอปเปิ้ล” เพราะเหมาะกับอาหารหลากหลายชนิดและถ้าเป็นแบบเป็นก้อนก็ยิ่งดีเลยล่ะ  เพราะให้การเผาไหม้ที่ช้ากว่า แต่ถ้าต้องการรมควันแบบรวดเร็ว

แบบผงก็ใช้ได้    ส่วนถ้าเป็นในทางอุตสาหกรรมก็จะแนะนำเป็น “ไม้บีช” เพราะให้กลิ่นคงที่ ไม่แรงจนกลบกลิ่นเนื้อของผลิตภัณฑ์

 

 

 

 

 

 

แหล่งที่มา : http://www.ruampat.com/

by author1 author1

กระเทียมสมุนไพรที่ให้ประโยชน์ทางยา

กระเทียมสมุนไพรที่ให้ประโยชน์ทางยา

 กระเทียม เป็นพืชสมุนไพรเก่าแก่ ซึ่งมีฤทธิ์ทางยาหลายอย่าง แม้กระทั่งบิดาทางการแพทย์ของกรีกโบราณ คือ ฮิปโปเครติส ก็ยกย่อว่ากระเทียม คือ สมุนไพรที่ให้ประโยชน์ทางยาสูงสุดชนิดหนึ่ง เช่น ต่อต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง ต้านการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสบางชนิด ที่สำคัญคือ ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลและไขมันชนิดไม่ดีที่ร่างกายไม่ต้องการ จึงแนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบตันกินกระเทียมเป็นประจำ

ในกระเทียมสด 1 กลีบ  ประกอบไปด้วย

น้ำ 64.3%
โปรตีน 7.9%
ไขมัน 0.6%
คาร์โบไฮเดรต 16.3%
พลังงานทั้งหมด 98 กิโลแคลอรี

 

สารออกฤทธิ์สำคัญในกระเทียม

  • ไดซัลไฟด์ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอลและไขมันในเลือด
  • อัลลิซินช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและลดอาการอักเสบ
  • อัลลิอินมีคุณสมบัติเป็นสารปฏิชีวนะ
  • เซลิเนียมเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ ควบคุมการทำงานของร่างกายให้อยู่ในภาวะปกติ
  • กำมะถันป้องกันโรคผิวหนังหลายชนิด บำรุงข้อต่อและกล้ามเนื้อ

คุณสมบัติและคุณประโยชน์ของกระเทียม

  1.  ด้านระบบย่อยอาหาร
  2.  ฤทธิ์ในการปกป้องการตีบตันของหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดทั่วไป
  3.  ฤทธิ์ในการต่อต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง
  4.  กระเทียมช่วยเสริมการทำงานของอวัยวะต่างๆ
  5. ฤทธิ์ต้านการอักเสบ

กระเทียมเหมาะสำหรับใครบ้าง

  • ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบตัน
  • ผู้ที่ต้องการเสริมคุณค่าของไฟโตนิวเทรียนท์ในกระเทียมแก่ร่างกาย

แหล่งที่มา : https://hellokhunmor.com

ข้อควรระวังในการรับประทานกระเทียม

หากรับประทานมากเกินไป อาจพบอาการ เช่น คลื่นไส้อาเจียน โลหิตจาง น้ำหนักลด ควรหยุดการรับประทานสักระยะ

 

แหล่งที่มา : https://www.nutrilite.co.th/th/article/garlic

by author1 author1

ไก่ดำ ทำไมถึงมีสีดำ

ไก่ดำ ทำไมถึงมีสีดำ ?

ไก่ เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มีคุณประโยชน์กับมนุษย์มาก เนื้อไก่และไข่ไก่ถูกใช้เป็นอาหารมาช้านาน เนื่องจากไก่มีโปรตีนสูง ไก่บางชนิดถูกเลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยง เช่น ไก่แจ้ ไก่ฟ้า เป็นต้น แต่มีไก่อยู่ชนิดหนึ่งที่ลักษณะแปลกคือมีสีดำทั้งตัว นั้นก็คือ ไก่ดำ ไก่ดำทำไมถึงมีสีดำเรามารู้คำตอบกัน

 

ไก่ดำ เรียกว่า อายัม เสมานี (Ayam cemani) มาจากภาษาอินโดนีเซีย “อายัม” ที่แปลว่า ไก่ กับชื่อหมู่บ้าน “เสมานี” ซึ่งเป็นสถานที่ที่ ไก่ชนิดนี้ถูกผสมพันธุ์ขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1920 ไก่ดำเป็นไก่ที่มีสีดำทั้งตัวสมชื่อ ตั้งแต่ขนสีดำไปจนถึง ขา เล็บ จะงอยปาก ผิวหนัง เนื้อ ดวงตา หรือแม้แต่อวัยวะภายในก็ยังมีสีดำ เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ที่ดำทั้งตัวไปถึงหัวใจจริงๆ ยกเว้นไข่ของมันที่ยังคงเป็นสีขาวอยู่

ไก่ดำเป็นสัตว์ที่มีราคาสูง และมักถูกนำมาบริโภคโดยต้มกับสมุนไพรเพื่อใช้เป็นยาอายุวัฒนะ เนื่องจากมีความเชื่อว่าเนื้อของไก่ดำจะมอบพลังอำนาจให้แก่ผู้กิน

แต่ในความจริงแล้วการที่ไก่ดำมีสีดำได้นั้น เกิดจากเม็ดสี “เมลานิน” (Melanin) ที่ถูกผลิตจากเซลล์ที่เรียกว่า “เมลาโนไซต์” (Melanocyte) ซึ่งตามปกติเซลล์ชนิดนี้จะอยู่ในบริเวณผิวหนังชั้นใน แต่ในไก่ดำในช่วงที่เป็นตัวอ่อน หรือเอมบริโอ เซลล์อ่อนของเซลล์เม็ดสีที่เรียกว่า “เมลาโนบลาสต์” (Melanoblast) มีปริมาณมากกว่าปกติได้กระจายไปยังทุกส่วนทั่วร่างกาย รวมถึงอวัยวะภายในจึงทำให้ไก่ชนิดนี้มีสีดำไปถึงเนื้อในอย่างแท้จริง

ไก่ดำจึงเป็นสัตว์ที่น่าพิศวงมาก ความสวยงามของไก่ดำที่มาจากความดำที่สมบูรณ์แบบ ทำให้บางพื้นที่นิยมนำไปเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง และเป็นอาหารอีกด้วย

แหล่งที่มา : https://www.nsm.or.th/other-service/

by satit.t satit.t

แบคทีเรียดี…มีประโยชน์

แบคทีเรียดี…มีประโยชน์

“สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมาก” ที่ไม่ควรมองข้าม แบคทีเรียเป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า พบทั่วไปในธรรมชาติ ดิน น้ำ และอากาศ ส่วนใหญ่มีรูปร่างกลม (Cocci) แท่ง (Bacilli, Rod) และเกลียว (Spiral) มีเซลล์เดียวและโครงสร้างไม่ซับซ้อน

นักวิทยาศาสตร์แบ่งแบคทีเรียออกเป็น

  • ชนิดที่ไม่มีประโยชน์ (ผู้ร้าย)
  • ชนิดดีที่มีประโยชน์ (พระเอก)

ตัวอย่างแบคทีเรียดีที่เราได้ยินบ่อยครั้ง คือ แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) ใช้ผลิตนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต โดยแบคทีเรียจะช่วยลดอาการท้องอืด อาการท้องเสียและเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมแคลเซียม

แบคทีเรียดี….ไม่ได้มีประโยชน์ต่อมนุษย์เท่านั้น กับ ต้นพืช ดินและน้ำ ก็ให้ผลดีในลักษณะเดียวกัน จึงนิยมนำแบคทีเรียมาเป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์ส่งเสริมการเจริญเติบโตของต้นพืช ผลิตภัณฑ์ปรับปรุงสมบัติดิน หรือผลิตภัณฑ์บำบัดคุณภาพของเสีย เป็นต้น อย่างไรก็ตามแบคทีเรียแต่ละชนิดมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน ส่งผลให้ขั้นตอนการผลิตอาจคัดเลือกแบคทีเรียมากกว่าหนึ่งชนิดมาผสมร่วมกันก็ได้ เช่น ย่อยสลายอินทรียวัตถุ ปลดปล่อยธาตุอาหารสำคัญให้กับพืช ผลิตเอนไซม์ หรือกระตุ้นการทำงานของสารชนิดต่างๆ รวมทั้งทำหน้าที่ต่อสู้กับศัตรูทั้งเชื้อโรค แมลงและสารพิษ เสมือนหน่วยลาดตะเวนคอยปกป้องต้นพืช

 

 

แหล่งที่มา : https://www.hrdi.or.th/Articles/Detail/138

by author1 author1

น้ำกระชายเสริมภูมิคุ้มกัน

น้ำกระชายเสริมภูมิคุ้มกัน

กระชาย เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านที่มีการใช้เป็นอาหารและยามานาน  ภูมิปัญญาพื้นบ้านใช้แก้โรคที่เกิดในปาก  เช่น  ปากเปื่อย  ปากเป็นแผล  รักษาอาการจมูกไม่ได้กลิ่น ไซนัสอักเสบ  ช่วยย่อยอาหาร  เพิ่มสมรรถภาพทางเพศชองเพศชาย  ยาอายุวัฒนะ บำรุงกำลัง  แก้ปวดเมื่อย

มีการศึกษาพบว่า สารสกัดของกระชายสามารถแสดงฤทธิ์ในการต้านไวรัสซาร์ส ในระยะหลังการติดเชื้อและยังพบว่าสารแพนดูราทิน (pan-duratin) ของกระชายขาวมีฤทธิ์ในการต้านไวรัสทั้งในระยะก่อนและหลังการติดเชื้อ และยังมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเชื้อเอดส์ ต้านไวรัสไข้เลือดออกในกลุ่ม Flaviviridae family และยังยั้งเชื้อพิโคร์นาไวรัส (picornaviruses) ซึ่งก่อโรคมือเท้าปาก

นอกจากนี้ยัง พบว่า ช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ แต่ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในสัตว์ทดลองและในคนต่อไป

ส่วนผสม

  • กระชายเหลืองสดครึ่งกิโล (หรือจะใช้สูตรผสมก็ได้ โดยใช้กระชายเหลือง 5 ส่วน กระชายดำ 1 ส่วน และกระชายแดง 1 ส่วน)
  • น้ำผึ้ง
  • น้ำมะนาว
  • น้ำเปล่าต้มสุกที่ทิ้งไว้จนเย็น

 

ขั้นตอนการทำน้ำกระชาย

  • นำกระชายมาล้างให้สะอาด ตัดหัวและท้ายทิ้งไป ถ้าขูดเปลือกออกบ้างก็จะดีมาก
  • นำมาหั่นเป็นท่อน ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการนำมาปั่น
  • เตรียมผ้าขาวบางรองด้วยกระชอน
  • นำกระชายที่เตรียมไว้ใส่ในโถปั่นและผสมกับน้ำเปล่าต้มสุกพอประมาณ แล้วปั่นจนละเอียด
  • เทใส่กระชอนที่เตรียมไว้ ถ้าน้ำน้อยก็ให้ผสมน้ำเปล่าลงไปอีก แล้วคั้นเอาแต่น้ำเท่านั้น

 

เมื่อจะดื่มก็เพียงแค่นำมาผสมกับน้ำมะนาว น้ำผึ้งในถ้วยแล้วคนให้เข้ากัน แล้วจึงใส่น้ำกระชายตามลงไป

เมื่อผสมจนรสชาติกลมกล่อมตามที่ต้องการแล้วก็เป็นอันเสร็จ

แต่ถ้ากลัวว่ากลิ่นกระชายจะแรงไป ก็สามารถใช้ใบบัวบกหรือใบโหระพามาปั่นรวมกันก็ได้ตามใจชอบ เพราะไม่มีส่วนผสมที่เป็นสูตรตายตัวเท่าไหร่

Tip : น้ำกระชายไม่ควรเก็บไว้นานมาก เพราะจะทำให้ความซ่าและความหอมของกระชายลดน้อยลง ทำให้เกิดตะกอนที่ก้น ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ควรดื่มให้หมดภายใน 1 อาทิตย์ จะได้ทั้งรสชาติที่ซ่า ดื่มแล้วชื่นใจ พร้อมประโยชน์เต็ม ๆ ด้วย แต่สำหรับผู้ที่ดื่มน้ำกระชายแล้วมีอาการแปลก ๆ ร้อนวูบวาบ หรือมีอาการเหงื่อออกหรือเรอออกมาก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเป็นอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ หากดื่มไปสักพักเดี๋ยวก็ชินไปเอง

แหล่งที่มา : https://www.dmh.go.th/news/view.asp?id=2348

https://www.opsmoac.go.th/surin-local_wisdom-preview-422891791854

by author1 author1

ขั้นตอนการต้มสกัด,ระเหยเข้มข้น,แปรรูปผงจากกลีบบัวอบแห้ง

ขั้นตอนการต้มสกัด,ระเหยเข้มข้น,แปรรูปผงจากกลีบบัวอบแห้ง

1.กลีบบัว

2.นำเข้าหม้อต้มสกัด

3.ผลิตภัณฑ์น้ำกลีบบัวเข้มข้นที่ได้

4.นำเข้าเครื่อง FALLING  FILM  EVAPORATOR

5. ผลิตภัณฑ์น้ำกลีบบัวเข้มข้นที่ได้

6. นำเข้าเครื่อง SPRAYDRYER

7. ผลิตภัณฑ์ผงกลีบบัวอบแห้งที่ได้

by author1 author1

ดำเนินการติดตั้ง,ทดสอบและส่งมอบเครื่องจักร ณ บริษัท ศูนย์วิจัยและบำบัดโรคมะเร็ง จำกัด

บริษัท ศูนย์วิจัยและบำบัดโรคมะเร็ง จำกัด

ตามที่ บริษัท ศูนย์วิจัยและบำบัดโรคมะเร็ง จำกัด  ได้ดำเนินการตกลงสั่งซื้อเครื่องอบทำผงแห้งแบบพ่นฝอย รุ่น SDE-50 EURO 3. จำนวน 1 เครื่อง กับทางบริษัท ยูโร เบสท์ เทคโนโลยี จำกัด ทางบริษัทฯ ได้เข้าไปดำเนินการติดตั้ง,ทดสอบและส่งมอบเครื่องจักร ณ บริษัท ศูนย์วิจัยและบำบัดโรคมะเร็ง จำกัด  จังหวัดเชียงใหม่  ในวันอังคาร ที่  24-25 สิงหาคม  2564