ถังเก็บน้ำสแตนเลส STORAGE TANK คืออะไร
ถังเก็บน้ำสแตนเลส STORAGE TANK เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากในภาคอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม เคมี และการเกษตร ด้วยคุณสมบัติของวัสดุที่ทนทาน ไม่เป็นสนิม และรักษาความสะอาดได้ดี บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักเครื่องนี้ในทุกแง่มุม เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องนี้คืออะไร
ถังเก็บน้ำสแตนเลส STORAGE TANK คือภาชนะขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับเก็บของเหลวหรือสารต่างๆ เช่น น้ำสะอาด น้ำนม น้ำมัน หรือสารเคมี โดยวัสดุที่ใช้ผลิตคือสแตนเลสคุณภาพสูง เช่น SUS 304 หรือ SUS 316 ที่ทนต่อการกัดกร่อนและไม่ปนเปื้อนสารเคมี
หลักการของเครื่อง
หลักการของ STORAGE TANK คือการเก็บรักษาของเหลวในสภาวะที่ปลอดภัย ป้องกันการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อม และรักษาอุณหภูมิหรือแรงดันตามต้องการ บางรุ่นอาจมีฉนวนกันความร้อนหรือระบบควบคุมอุณหภูมิภายใน
องค์ประกอบของเครื่อง
- ตัวถัง (TANK BODY): ทำจากสแตนเลสขัดเงาหรือขัดด้าน
- ฝาปิด (MANHOLE): สำหรับเปิดทำความสะอาดหรือบรรจุของเหลว
- วาล์ว (VALVE): ควบคุมการปล่อยหรือเติมของเหลว
- ขาแท็งก์ (TANK LEGS): รองรับตัวถังให้มั่นคง
- เกจวัดระดับ (LEVEL GAUGE): บางรุ่นจะมีสำหรับดูปริมาณของเหลวภายใน
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากเครื่องนี้
-  ถังเก็บน้ำดื่มในโรงงาน 
-  ถังเก็บน้ำนมในอุตสาหกรรมผลิตนม 
-  ถังเก็บน้ำมันพืชในโรงงานอาหาร 
-  ถังหมักในกระบวนการผลิตเบียร์หรือไวน์ 
-  ถังเก็บสารเคมีในโรงงานเคมีภัณฑ์ 
ราคาโดยประมาณของเครื่อง
ราคาของ STORAGE TANK ขึ้นอยู่กับขนาด ความหนา และเกรดของสแตนเลส โดยทั่วไปมีราคาดังนี้:
-  ขนาดเล็ก (100–500 ลิตร): 10,000 – 50,000 บาท 
-  ขนาดกลาง (1,000–5,000 ลิตร): 50,000 – 250,000 บาท 
-  ขนาดใหญ่ (10,000 ลิตรขึ้นไป): 300,000 บาทขึ้นไป 
ข้อดีข้อเสียของเครื่อง
ข้อดี
-  ทนต่อการกัดกร่อนและสนิม 
-  อายุการใช้งานยาวนาน 
-  ง่ายต่อการทำความสะอาด 
-  ปลอดภัยสำหรับการเก็บของเหลวที่บริโภคได้ 
ข้อเสีย
-  ราคาสูงกว่าถังวัสดุอื่น 
-  น้ำหนักมาก เคลื่อนย้ายยาก 
-  ต้องการพื้นที่ติดตั้งที่เหมาะสม 
วิธีการเลือกเครื่อง
-  เลือกวัสดุสแตนเลสให้เหมาะกับของเหลว (เช่น SUS 316 สำหรับของเหลวที่มีความเป็นกรดสูง) 
-  พิจารณาขนาดตามปริมาณที่ต้องการเก็บ 
-  ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย (เช่น FOOD GRADE) 
-  เลือกรุ่นที่มีระบบระบายน้ำหรือทำความสะอาดง่าย 
-  คำนึงถึงการรับประกันและบริการหลังการขาย 
วัตถุดิบที่ใช้กับเครื่อง
STORAGE TANK สามารถเก็บวัตถุดิบได้หลากหลาย เช่น:
-  น้ำดื่ม น้ำประปา 
-  น้ำนม น้ำผลไม้ 
-  น้ำมันพืช น้ำมันปาล์ม 
-  สารเคมีเหลว เช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์ 
-  น้ำเสียสำหรับการบำบัดก่อนปล่อยออกสู่ธรรมชาติ 
ประวัติความเป็นมาของเทคโนโลยีนี้
ถังเก็บน้ำหรือภาชนะบรรจุของเหลวมีมาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยเริ่มจากการใช้วัสดุที่หาได้ในธรรมชาติ เช่น ไม้ ดินเผา หนังสัตว์ และโลหะพื้นฐาน เพื่อเก็บน้ำ อาหารหมัก หรือของเหลวต่างๆ ซึ่งสามารถย้อนรอยได้ถึง สมัยอารยธรรมเมโสโปเตเมียและอียิปต์โบราณ ที่ใช้โอ่งดินเผาและอ่างหินทรายในการเก็บน้ำและไวน์
ยุคอุตสาหกรรม (Industrial Revolution)
ในช่วงศตวรรษที่ 18–19 เมื่อโลกเข้าสู่ ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ความต้องการการเก็บของเหลวจำนวนมากในโรงงานเริ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาชนะเหล็กและถังโลหะเริ่มถูกใช้งานแพร่หลาย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเบียร์ น้ำมัน และเคมีภัณฑ์
อย่างไรก็ตาม ถังโลหะในยุคนั้นมีปัญหาเรื่อง สนิม การกัดกร่อน และสารปนเปื้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพของของเหลวและความปลอดภัย
การค้นพบ “สแตนเลส” (STAINLESS STEEL)
ในปี 1913 นาย HARRY BREARLEY ชาวอังกฤษ ได้ค้นพบโลหะผสมที่มีความต้านทานการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยมโดยการเติม โครเมียม (CHROMIUM) ลงไปในเหล็กกล้า ซึ่งกลายมาเป็นที่รู้จักในชื่อว่า STAINLESS STEEL
จุดเด่นของสแตนเลสคือไม่เป็นสนิมง่าย ไม่ทำปฏิกิริยากับของเหลว และสามารถใช้งานได้นานโดยไม่ปนเปื้อนโลหะออกมา ทำให้ในช่วง กลางศตวรรษที่ 20 มีการเริ่มผลิต STORAGE TANK ที่ทำจากสแตนเลสอย่างจริงจังในอุตสาหกรรมอาหารและยา โดยเฉพาะในประเทศเยอรมนี สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น
พัฒนาการสู่ยุคปัจจุบัน
นับตั้งแต่นั้นมา เทคโนโลยี STORAGE TANK สแตนเลส ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านต่างๆ เช่น
- การเชื่อมแบบไร้รอยต่อ (SEAMLESS WELDING)
- การขัดผิวภายในแบบ MIRROR FINISH เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย
- ระบบ CIP (CLEAN-IN-PLACE) สำหรับทำความสะอาดอัตโนมัติ
- การเสริมฉนวนกันความร้อนหรือระบบทำความเย็น
- การติดตั้งเซ็นเซอร์ควบคุมอุณหภูมิและแรงดันด้วยระบบดิจิทัล (IOT INTEGRATION)
ในปัจจุบัน ถังเก็บสแตนเลส STORAGE TANK เป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความสะอาด ความแม่นยำ และความปลอดภัยสูง เช่น อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ ชีวภาพ พลังงาน และเคมีภัณฑ์
แหล่งอ้างอิง
- BREARLEY, H. (1913). THE DISCOVERY OF STAINLESS STEEL. SHEFFIELD, UK.
- INTERNATIONAL STAINLESS STEEL FORUM (ISSF). (2020). STAINLESS STEEL IN INDUSTRIAL APPLICATIONS.
- ASM INTERNATIONAL. (2015). STAINLESS STEELS: PROPERTIES AND APPLICATIONS.
- สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย. (2562). ความรู้เรื่องเหล็กกล้าไร้สนิม (STAINLESS STEEL).